พอดีครีมกันแดดบิโอเรขวดม่วงๆ ตัวที่ใช้อยู่ประจำมันหมดกลางอาทิตย์พอดี อาทิตย์นี้ไม่ได้กลับไปนอนบ้านซะด้วยสิ เพราะไปนอนค้างคอนโดเพื่อน เลยจำต้องไปหาซื้อขวดใหม่ที่วัตสันในห้างแถวๆ ออฟฟิศ เลยไปได้ขวดนี้มา เพราะว่าขวดสีม่วงแบบที่ใช้อยู่มันหมด หลังจากจดๆ จ้องๆ อยู่นานว่าจะซื้อตัวนี้ดีมั๊ย เพราะมันมีค่า SPF แค่ 30 PA+++ เท่านั้น แต่ไอ้ที่ใช้อยู่ประจำอ่ะมัน SPF 50 PA+++ ตอนแรกก็เกรงว่าประสิทธิภาพในการกันแดดมันจะไม่โอ
แต่โชคดีที่ในร้านมันมีตัวเทสเตอร์ เลยหยิบมาลองทาที่มือดู เออเกลี่ยง่ายดีแฮะ ไม่เป็นคราบขาว แล้วก็ไม่มันด้วย เพราะเบสของมันเป็นน้ำ ไม่ใช่น้ำมัน แถมพอแห้งแล้ว มันยังวิ้งๆ ทำให้ดูใสๆ ด้วยอ่ะ ไม่ได้พอกหนาเป็นโบกปูน เออ ใช้ได้แฮะ หลอดละ 249 บาท เอง เราว่าใช้ดีกว่าครีมกันแดดแบรนด์เคาน์เตอร์บางตัวที่เคยลองอีกนะ
ใครหาครีมกันแดดแบบไม่มัน เนื้อเบาๆ และกันแดดดีๆ ลองไปซื้อมาใช้ดูนะ เราว่าครีมกันแดดทุกไลน์ของบิโอเรโอเคเลยเเหละ ราคาไม่แพงด้วย แต่ถ้าใครจะออกแดดหนักๆ คงต้องใช้ตัวที่เราใช้อยู่ประจำนะ เพราะค่า SPF มันสูงกว่า
ชอบอ่ะ
วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553
Sence of Scent
(จากซ้าย) The Vert, Aqua Sahhpire, Clinique Happy Heart, CK One Summer |
ก็ชอบซื้อพวกเอเวอร์เซนส์ พวก 12 พลัส มาใช้
ชอบให้ตัวมีกลิ่นหอมๆ ก็คงเหมือนผู้หญิงหลายๆ
คนแหละเนอะ ที่ชอบให้ตัวหอม มันดูแล้วเหมือน
แต่งตัวเสร็จจริงๆ มากกว่าไม่ฉีดน้ำหอมนะ สำหรับ
เรานะ
ตอนนี้ทำงานแล้ว มีตังค์เป็นของตัวเอง เลยขยับมา
ซื้อน้ำหอมกลิ่นที่ชอบ แบรนด์ที่ใช่เก็บ ไว้บ้าง หลัง
จากที่ตอนเป็นนักศึกษา เคยแต่ได้รับมรดกจากพี่
สาวที่เป็นญาติกัน
น้ำหอมกลิ่นที่ชอบ ต้องเป็นพวกกลิ่นเปรี้ยวๆ ส้มๆ
มะนาวๆ เท่านั้น พวกกลิ่นเย็นๆ กลิ่นหวานๆ แบบ
ดอกไม้ทั้งหลาย เราได้กลิ่นแล้วจะเวียนหัวๆ ชอบ
กล
ตอนนี้ก็มีน้ำหอมไม่เยอะหรอก เพราะชอบอยู่ไม่กี่กลิ่น แถมที่ร้ายคือ ฉีดไปตั้งเยอะ แต่กลิ่นติดไม่ทนเลย เพราะเราเป็นคนผิวแห้งมาก และตัวก็ไม่มีเหงื่ออีก น้ำหอมเลยซึมลงผิวหมด ไม่เหลือติดผิวชั้นบนเลย เซ็ง !!!
ส้มและอำพัน
ตอนนี้กลิ่นที่โปรดที่สุด คือ CK One Summer ชอบเพราะกลิ่นมันเปรี้ยวๆ แล้วก็ติดกลิ่นแปลกๆ คาดว่ามันน่าจะเป็นกลิ่นของใบ Cedar กับ ใบ Patchouli (หรือชื่อไทยคือพิมเสนนั่นเอง) ที่เป็น Base Nose ของมันนี่แหละมั้ง แล้วพอดมอีกที ก็จะได้กลิ่นส้มๆ มะนาวๆ หอมซับซ้อนมาก ดมแล้วรู้สึกว่าเป็นกลิ่นตัวที่สะอาดดีนะ
5ดาว
ลิ้นจี่
อีกกลิ่นที่ชอบมาก และซื้อมาด้วยความบังเอิญคือน้ำหอมแบรนด์ญี่ปุ่นที่ขายอยู่บนชั้นของใช้เก๋ๆ ของพารากอน (จำชั้นไม่ได้แล้ว ชั้น 5 มั้ง) มันมีชื่อว่า Aqua Sahhire 2 Risingwave Eau De Parfume (ราคา 1290 บาท) กลิ่นตอนแรกดมแล้วไม่รู้ว่ากลิ่นอะไรกันแน่ แต่พอใช้ไปสักพัก อ๋อ มันเป็นกลิ่นลิ้นจี่นี่เอง กลิ่นมันแปลกมาก ต้องลองมาดม กลิ่นกลมๆ ไม่แหลม ดมแล้วไม่เหมือนใครดี เพราะไม่ค่อยมีใครซื้อมาฉีด
5 ดาว
ชาเขียว
มันคือแบรนด์ที่ไม่มีใครคิดว่าจะมีน้ำหอมหอมมากๆ ขายอยู่หลายกลิ่นเลย เพราะเค้าขึ้นชื่อเรื่องสกินแคร์ กับสปามากกว่า แบรนด์นั้นก็คือ Yves Rocher นั่นเอง ตัวที่ซื้อมาคือ The Vert Eau De Cologne (Green Tea) มันเป็นแค่โคโลญจ์เท่านั้นนะ แต่ว่ากลิ่นมันหอมมาก กลิ่นจะเปรี้ยวๆ ตามสไตล์กลิ่นน้ำหอมที่เราชอบ แต่จะแฝงไว้ด้วยกลิ่นแนวใบไม้ๆ ซึ่งก็น่าจะเป็นกลิ่นชาเขียวนั่นแหละ ชอบๆ
5 ดาว
สลัดผักผลไม้ กับดอกไม้
Clinique Happy Heart มันเป็นน้ำหอมที่กลิ่นฉุนมากๆ เพราะมันรวมเอาไว้ทั้งผลไม้ (ส้มแมนดาริน) ผัก (แตงกวา, แครอท) เครื่องเทศ ( Cassia หรือ ซินนามอน, Sandalwood หรือไม้แก่นจันทร์ และ White Woods) ดอกไม้ (ดอกไฮยาซินห์, ดอก Primula)
มันหอมฉุนมากซะจนเราฉีดเอง ดมเองยังเวียนหัว แล้วที่ซื้อมามันเป็นเช็ต ในเซ็ตก็มีครีมรวมอยู่ด้วย
ทาครีมกลิ่นเดียวกับน้ำหอมแล้ว ชายหนุ่มใกล้ตัวถึงกับเบือนหน้าหนี บอกว่าฉุนมาก เออ แล้วตกลงนี่มันดีมั๊ยล่ะนี่ ส่วนตัวไม่ชอบเท่าไหร่แฮะ สู้แบรนด์จากญี่ปุ่นไม่ได้เลยอ่ะ ในความรู้สึกของเราเท่านั้นนะ
2 ดาว
Wish List ขวดต่อไปคือ Incanto ของ Salvatore Ferragamo ที่พอดีได้ตัวอย่างกลิ่นมาดม แล้วติดใจในความหอมนวลๆ แต่ไม่หวานจนเลี่ยนของมัน หรือไม่งั้นก็ Madame ของ Jean Paul Gaultier
ป้ายกำกับ:
น้ำหอม,
Aqua Sahhpire,
CK One Summer,
Clinique Happy Heart,
Yves Rocher The Vert
Oil Control Sunscreen
ครีมกันแดด Neutrogena และ Biore |
เคยใช้ Shiseido Anessa SPF50+ PA+++ กันแดดพอได้ เคยใช้ตอนไปตีเทนนิสตอนบ่ายๆ กลับมาบ้านแล้วหน้าก็ไม่ได้ดำคล้ำมาก ทั้งๆ ที่เอาหน้าไปโดนแดดแรงๆ ตรงๆ เป็นเวลานาน
แต่ที่ไม่ปลื้มคือ ครีมกันแดดสูตรนี้ของ ชิเซโด มันเนื้อแมทต์เกินไป ทาแล้วหน้าแห้ง ด้านสุดๆ
แต่พอไปใช้ตัวอื่น หน้าก็กลับมามันๆ อีก พอไปเจอครีมกันแดดของ Biore UV Moist Face Milk SPF50+ PA+++ (ราคาประมาณ 285 บาท) ก็เลยถูกใจมาก
จริงๆ มันมีหลายสี หลายสูตร อย่างสีชมพูก็จะมีวิ้งๆ สีอมชมพู สีขาวก็ทาแล้วเนียนดี ทุกสูตรก็มีเบสเป็นน้ำเหมือนกันหมดนั่นแหละ แต่เราชอบสีม่วงที่สุด เพราะทาแล้วหน้าจะเงาๆ นิดนึง แค่เงาๆ นะไม่ใช่มันเยิ้ม
ประสิทธิภาพในการกันแดดก็โอเคเลย โดนแดดแรงๆ แล้วหน้าไม่ดำคล้ำ แถมเนื้อครีมมันไม่หนา
ด้วยอ่ะ ทาหลังจากทาครีมบำรุงผิวแล้ว โอเคเลยนะ
ส่วนอีกตัวนึง อันนี้ยังมีความมันอยู่นิดหน่อย แต่ไม่มากจนเยิ้ม ชอบตรงที่เนื้อครีมมันนุ่มลื่น เกลี่ย
ง่ายดี กันแดดดีด้วย นั่นคือ Neutrogena Ultra Sheer SPF50+ PA+++ (ราคา ประมาณ 389 บาท)
ครีมกันแดดสองแบรนด์นี้ก็ใช้ได้เลยนะที่สำคัญราคาไม่แพงด้วย สวย หน้าไม่ดำ สบายกระเป๋าดี
วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553
Scrub Away :: Make your skin glow in the cheaper way
Mango & Babassu |
ช่วงไหนที่เรารู้สึกว่าผิวตัวชัดจะคล้ำๆ เพราะโดนแดดแรงๆ บ่อยเกินไป เราจะมีสูตรขัดตัว พอกตัวแบบธรรมชาติ หาสัตถดิบเอาจากตู้เย็นในบ้าน หรือถ้าในตู้เย็นไม่มี แค่เดินไปมินิมาร์ทหน้าปากซอยบ้าน ก็จะได้ของที่ต้องการแล้ว จะเอาสูตรที่ใช้อยู่เป็นประจำมาเล่าให้ฟังแล้วกันนะ เผื่อใครอยากลองไปทำตามดู
สูตรโยเกิร์ต + มะนาว + น้ำผึ้ง
สูตรนี้แค่เอาโยเกิร์ตรสธรรมชาติมาผสมกับน้ำผึ้ง และมะนาว คนๆ ให้เข้ากัน จากนั้นก็เอามาพอกลงบนตัว ที่อาบน้ำแล้วจนสะอาดและเช็ดผิวจนแห้งแล้วนะ ทาให้ทั่ว และก็นวดๆ จนเนื้อโยเกิร์ตที่แฉะๆ เริ่มข้นเหนียวแล้วซึมหายลงไปในผิว จริงๆ เราจะเป็นคนที่ชอบทาอะไรทิ้งเอาไว้ทั้งคืน เพราะมันให้ผลดีกว่าทาแค่แป๊บเดียว (มันก็จะเหมือนทาครีมลงบนผิวนั่นแหละ โยเกิร์ตพอแห้งแล้ว แทบไม่รู้สึกว่าเหมือนทาอะไร) แต่ทาใครไม่ชิน พอกทิ้งไว้สัก 1 - 2 ชม. แล้วค่อยล้างออกก็ได้ ถ้าผิวคล้ำมากๆ และอยากรีบขาวผ่อง เพื่อจะไปงาน ก็ให้บ่อยๆ หน่อยนะ ผิวมันจะขาวขึ้น เนียนนุ่มขึ้นด้วย เพราะกรดแลคติกในโยเกิร์ต กับกรดซิตริกในมะนาวจะไปทำให้รอยดำๆ จางลงนะ ส่วนน้ำผึ้งทำให้ผิวนุ่มขึ้น
สูตรมะขามเปียก
สูตรนี้ยิ่งง่ายใหญ่ แค่เอามะขามเปียกมาคั้นกับน้ำให้ได้น้ำมะขามเปียกข้นๆ เหนียวๆ แล้วเอามาทาที่ตัว
ตอนทาก็นวดๆ ถูๆ ให้มันซึมลงผิวสักหน่อย สูตรนี้มันจะแสบๆ หน่อยนะ ก็พยายามคิดว่าตัวเองเป็นแม่มณีในทวิภพก็แล้วกัน เพราะสูตรนี้โบราณมากๆ สูตรนี้ไม่ต้องทาทิ้งไว้นานนัก เพราะเดี๋ยวผิวจะแพ้กรด
ในมะขามเอาได้ ทิ้งไว้สักครึ่งชม.ก็พอแล้ว ล้างออกผิวจะขาวเนียนขึ้นเลยนะ เพราะเราก็ทำกับขาและเท้าของเราที่เป็นส่วนที่โดนแดดเยอะที่สุดในร่างกาย จนมันดูดีขึ้น และไม่เกรียมแดด
ส่วนถ้าใครขี้เกียจผสมนู่นนี่ให้ลำบาก จะใช้พวกผลิตภัณฑ์ขัดผิวพอกผิวที่เค้ามีขายในบูทส์ ในวัตสันก็ได้ หอมๆ ดี เราแนะนำสองยี่ห้อที่ใช้มาแล้วกับตัว และรู้สึกว่ามันดีจริงๆ คือ ผลิตภัณฑ์ขัดผิวของยี่ห้อไทยๆ อย่าง สบายอารมณ์ (เสียดายที่มันหมดแล้ว และเราดันลืมถ่ายรูปเก็บเอาไว้) สูตรที่เราใช้เป็นมะขามกับน้ำผึ้ง (ราคา 450 บาท ใช้ได้นานประมาณ 2 เดือน ถ้าขัดบ่อยๆ) ขัดตัวเสร็จแล้วก็ทิ้งไว้พอกตัวได้ด้วย ใช้แล้วผิวใสขึ้นนะ
กับอีกตัวนึงคือ Boots Amazon Forest Mango & Babassu Body Scrub (กระปุกละประมาณ 285 บาท ไซส์ใหญ่บิ๊กเบิ้มมากๆ ) ครีมขัดตัวกลิ่นมะม่วงๆ เม็ดสครับละเอียดไม่บาดผิว อาบน้ำเสร็จแล้ว รอจนตัวเปียกหมาดๆ ก็เอาสครับตัวนี้พอกลงไปแล้วขัดวนเป็นวงกลมๆ ขัดนานๆ หน่อยนะ ให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วมันหลุดลอกออกมา พอล้างตัวจนสะอาด ผิวมันจะนุ่มขึ้นเลยอ่ะ เราเลยช๊อบ ชอบสครับตัวนี้ที่สุดเลยนะตอนนี้
สครับเสร็จแล้ว อย่าลืมทาครีมตามด้วยล่ะ ผิวจะได้ไม่แห้ง ตื่นขึ้นมาผิวจะนุ่มดีแหละ แต่ของอย่างนี้มันต้องทำบ่อยๆ และอดทนหน่อยนะ (แบบเราเมื่อคืนนี้ ที่ขัดตัวอยู่ในห้องน้ำเป็นชั่วโมงๆ แต่พอตื่นขึ้นมาแล้วจับได้ผิวนุ่มๆ ก็คุ้มนะ)
เคล็ดลับสำคัญสำหรับคนที่อยากบอกลาผิวแห้ง แตก คล้ำเสียนะ เผื่อไม่ชอบสูตรที่เรานำเสนอ คืออะไรที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ตามธรรมชาติ ก็สามารถเอามาประยุกต์ใช้เป็นสครับขัดผิว พอกผิวได้ทั้ง
นั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็น สับปะรด มะละกอ ส้ม มะเขือเทศ ฯลฯ
ที่สำคัญมันถูกกว่าไปสปาเยอะเลยแหละ
Big Cleaning with Your Eyes by Cleansing Oil
Fasio Cleansing Oil กับ โฟมของ Neutrogena |
เครื่องสำอางที่กันน้ำ หรือมีเนื้อหนาๆ หนักๆ บางคนก็ใช้เบบี้ ออยล์เช็ดๆ ถูๆ ใช่มั๊ยล่ะ บางคน
ก็ใช้ Cleansing Cream หรือ Cleansing Lotion ใช่มั๊ย
แน่นอนว่าใช้ผลิตภัณฑ์พวกนี้แล้ว ย่อมดีกว่าล้างแค่โฟมล้างหน้ากับน้ำเปล่าแน่นอน แต่ก็ยังเห็นบ่นๆ กันอยู่ดี ว่าล้างออกยาก กว่าคราบอายไลน์เนอร์หรือมาสคาร่าจะออกหมด ต้องถูซะจนหนังตาแทบเหี่ยว
เราว่าลองเปลี่ยนมาใช้ Cleansing Oil หรือ Cleansing Gel แบบที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ และใช้มา
นานแล้วดูดีกว่ามั๊ย เพราะมันใช้ง่าย สะดวกรวดเร็ว และไม่ทำให้หนังตาเหี่ยว
ยี่ห้อที่เราใช้อยู่ประจำคือ Fasio Perfect Cleansing Oil ขวดละประมาณ 285 บาท
(ไม่เกิน 300 บาทหรอก เดี๋ยวขอไปเช็คราคาอีกทีนะ) ซื้อมาขวดเดียว ใช้ได้เป็นครึ่งปี
ก่อนจะใช้แค่ทำหน้าให้แห้งๆ แล้วกดน้ำมันในขวดมานิดหน่อย นวดๆ ให้ทั่วใบหน้า เน้นไปที่เปลือกตา และขนตา จะเห็นพวกคราบอายไลน์เนอร์ กับมาสคาร่าค่อยๆ หลุดออกมาอย่างง่ายดาย นวดวนๆ จนแน่ใจว่าคราบมันหลุดออกมาหมดแล้ว ก็เอาน้ำมาลุบหน้าให้น้ำมันกลายเป็นน้ำนมสีขาว แล้วก็วักน้ำมาล้างหน้าเรื่อยๆ จนน้ำมันออกหมด ค่อยตบท้ายด้วยโฟมล้างหน้าที่ใช้อยู่เป็นประจำนั่นแหละ
ตอนนี้เรากำลังฮิตโฟมล้างหน้าของ Neutrogena Fine Fairness Cleanser ที่เป็นสูตรหน้า
ขาว เพราะว่ามันไม่ค่อยมีฟอง แล้วเนื้อโฟมมันก็นุ่มๆ ดี ล้างแล้วหน้าไม่แห้งตึง ใครที่บ่นว่าโฟมบางยี่ห้อ พอล้างออกแล้วทำไมมันรู้สึกหนืดๆ ลื่นๆ จะบอกว่านั่นมันคือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่โฟมมันหลงเหลือไว้ให้ผิวนะ ไม่ใช่การล้างหน้าไม่สะอาดแต่อย่างใด อย่าตกใจไป
การใช้ Cleansing Oil มันประหยัดเวลาในการทำควาสะอาดผิวหน้าให้เรามากทีเดีวเลยแหละ เพราะส่วนใหญ่แล้ว เราจะเขียนขอบตาแทบทุกวัน และมักจะกลับถึงบ้านดึกๆ แทบทุกวัน ไม่ต้องการอะไรที่ยุ่งยากอยู่แล้ว มันเลยถูกใจเราเป็นที่สุด บางคนอาจจะเคยใช้ออยล์แบบที่เราแนะนำล้างหน้ากันมาก่อนนะ แต่ก็บอกว่าใช้แล้วมีผื่นๆ ขึ้น หรือหน้ามันๆ เราก็ลืมถามไปว่า ใช้ออยล์เสร็จแล้ว ได้ล้างตามด้วยโฟมอีกรอบนึงรึเปล่า เพราะถ้าล้างความมันจากออยล์ออกไม่หมด ก็มีสิทธิ์เป็นสิวได้เหมือนกันนะ
แล้วก็ไม่ต้องไปซื้อออยล์ยี่ห้อแพงอะไรมากหรอก พวก Shu Uemura หรือ Bobbi Brown น่ะ เราว่าแพงเกินไปหน่อย ใช้แบรนด์ญี่ปุ่นระดับกลาง คุณภาพก็โอเคแล้วล่ะ
ลองใช้กันดูนะ เพื่อความประหยัดเวลา หน้าไม่เหี่ยว และจะได้ไม่ต้องมีข้ออ้างในการขี้เกียจล้างหน้าให้สะอาดไง
ป้ายกำกับ:
ล้างเครื่องสำอางรอบดวงตา,
ล้างหน้า,
Eyes Remover
วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553
Dark Side of My Eyes
เมื่อหลินปิงไม่ได้อยู่ใน
สวนสัตว์เชียงใหม่ แต่
มาอยู่ที่ใต้ตาของเรา
แทน แถมพกเอารอย
เหี่ยวย่นมาเป็นเพื่อน
ด้วย อย่าได้ชะล่าใจ
เด็ดขาด ต้องรีบจัด
การโดยด่วน ขืนทิ้ง
ไว้นาน ดวงตาที่ควร
จะเป็นหน้าต่างของ
หัวใจ จะกลายเป็น
ตัวบ่งบอกอายุ (มาก)
ไปแทน
มาดูตัวช่วยสลายความ
ดำคล้ำใต้ตากันดีกว่า
ว่ามียี่ห้อไหนพอช่วย
ได้บ้าง จัดแบ่งตาม
ระดับราคาเลยนะ
ไม่เกิน 500 บาท
1. Olay Total Effects Eye Cream ราคา 495 บาท
เนื้อครีมเนียนๆ สีเนื้อ ไม่มัน ไม่เยิ้ม ทาแล้วไม่แสบตา คนใช้คอนแทคเลนส์อย่างเรา ทาได้สบาย
เลย ช่วงนี้ติดใช้ตัวนี้อยู่ เพราะทาแล้วไม่ทำให้อาย ไลน์เนอร์ละลาย ถึงมันจะไม่ได้ทำให้ตาดำคล้ำ
หายไปได้เหมือนเสก แต่ว่าก็ช่วยให้ตาไม่เหี่ยวมากกไปกว่านี้นะ
4 ดาว
ไม่เกิน 1200 บาท
2. Clinique All About Eyes Rich ราคา 1400 บาท
ตัวนี้ทาแล้ว หนักตานิดๆ เพราะเนื้อครีมมันค่อนข้างจะ rich มากๆ เหมาะกับคนที่ใต้ตาแห้งๆ มีริ้ว
รอยเหี่ยวย่นเยอะๆ นะ ของยี่ห้อนี้เหมาะกับคนที่แพ้น้ำหอมในเครื่องสำอาง และคนที่ผิวแพ้ง่ายดี
เพราะว่ามันไม่มีกลิ่นน่ะ แต่ว่าเราไม่ค่อยชอบแฮะ เพราะเราชอบกลิ่นหอมๆ มากกว่า
3 ดาว
ไม่เกิน 2000 บาท
3. Dr. Andrew Weil for Origins Plentidote Mega - Mushroom Eye Serum
ราคา 1900 บาท
ด็อกเตอร์เห็ดที่คนชอบใช้กัน อยากจะบอกว่าทาแล้วแสบตามาก ไม่รู้ทำไม แต่คนอื่นอาจจะไม่เป็น
ก็ได้นะ แถมมันยังเป็นซีรั่มที่ทาแล้วมันมากอีกต่างหาก ทาแล้ว เขียนอายไลน์เนอร์ทีไร ดูละลายๆ
ชอบกล แต่มันก็ช่วยให้ตาไม่เหี่ยวดีอยู่หรอก
2 ดาว
สรุปว่าตอนนี้ชอบของถูกมากกว่าแฮะ ใช้ Olay แล้วถูกใจตรงที่
เนื้อเนียนไม่มัน ไม่เป็นคราบดี
สวนสัตว์เชียงใหม่ แต่
มาอยู่ที่ใต้ตาของเรา
แทน แถมพกเอารอย
เหี่ยวย่นมาเป็นเพื่อน
ด้วย อย่าได้ชะล่าใจ
เด็ดขาด ต้องรีบจัด
การโดยด่วน ขืนทิ้ง
ไว้นาน ดวงตาที่ควร
จะเป็นหน้าต่างของ
หัวใจ จะกลายเป็น
ตัวบ่งบอกอายุ (มาก)
ไปแทน
มาดูตัวช่วยสลายความ
ดำคล้ำใต้ตากันดีกว่า
ว่ามียี่ห้อไหนพอช่วย
ได้บ้าง จัดแบ่งตาม
ระดับราคาเลยนะ
ไม่เกิน 500 บาท
1. Olay Total Effects Eye Cream ราคา 495 บาท
เนื้อครีมเนียนๆ สีเนื้อ ไม่มัน ไม่เยิ้ม ทาแล้วไม่แสบตา คนใช้คอนแทคเลนส์อย่างเรา ทาได้สบาย
เลย ช่วงนี้ติดใช้ตัวนี้อยู่ เพราะทาแล้วไม่ทำให้อาย ไลน์เนอร์ละลาย ถึงมันจะไม่ได้ทำให้ตาดำคล้ำ
หายไปได้เหมือนเสก แต่ว่าก็ช่วยให้ตาไม่เหี่ยวมากกไปกว่านี้นะ
4 ดาว
ไม่เกิน 1200 บาท
2. Clinique All About Eyes Rich ราคา 1400 บาท
ตัวนี้ทาแล้ว หนักตานิดๆ เพราะเนื้อครีมมันค่อนข้างจะ rich มากๆ เหมาะกับคนที่ใต้ตาแห้งๆ มีริ้ว
รอยเหี่ยวย่นเยอะๆ นะ ของยี่ห้อนี้เหมาะกับคนที่แพ้น้ำหอมในเครื่องสำอาง และคนที่ผิวแพ้ง่ายดี
เพราะว่ามันไม่มีกลิ่นน่ะ แต่ว่าเราไม่ค่อยชอบแฮะ เพราะเราชอบกลิ่นหอมๆ มากกว่า
3 ดาว
ไม่เกิน 2000 บาท
3. Dr. Andrew Weil for Origins Plentidote Mega - Mushroom Eye Serum
ราคา 1900 บาท
ด็อกเตอร์เห็ดที่คนชอบใช้กัน อยากจะบอกว่าทาแล้วแสบตามาก ไม่รู้ทำไม แต่คนอื่นอาจจะไม่เป็น
ก็ได้นะ แถมมันยังเป็นซีรั่มที่ทาแล้วมันมากอีกต่างหาก ทาแล้ว เขียนอายไลน์เนอร์ทีไร ดูละลายๆ
ชอบกล แต่มันก็ช่วยให้ตาไม่เหี่ยวดีอยู่หรอก
2 ดาว
สรุปว่าตอนนี้ชอบของถูกมากกว่าแฮะ ใช้ Olay แล้วถูกใจตรงที่
เนื้อเนียนไม่มัน ไม่เป็นคราบดี
Fighting with Blackhead and Blemish
ใช้ Deep Clean Blackhead Eliminating Daily Scrub
ของ นูโทรจีนา ล้างหน้า ละลายเอาสิวเสี้ยน และสิวอุดตันออก
เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์แล้ว
ตามด้วย Vichy Normaderm
หลอดสีเขียว ช่วยละลายสิว
อุดตัน ที่ทำให้รูขุมขนกว้าง
รอจน Vichy แห้ง แล้วตาม
Make a Diference ของ
Origins ที่ช่วยทำให้ผิวเนียนขึ้น
ปิดท้ายด้วยการแต้มหัวสิวอักเสบแดง ด้วยน้ำผึ้ง จริงๆ ใช้น้ำผึ้งโครงการหลวงก็ได้ แต่มันจะมี
น้ำตาลเยอะไปหน่อย เลยเปลี่ยนมาใช้น้ำผึ้งที่ผึ้งที่ดูดน้ำหวานจากดอกไม้ชนิดอื่น หรือถ้าหา
น้ำผึ้งป่า (เดือน 5 ได้ยิ่งดี) มาใช้ได้ ก็จะดีมาก เพราะน้ำตาลน้อย และมีความเป็นกรดที่จะช่วย
ทำให้สิวแห้งเร็ว และไม่เป็นรอยแดง รอยดำ
หมายเหตุ: น้ำผึ้งป่าหาซื้อได้ที่ กูร์เมต์ มาร์เก็ต เดอะ มอลล์ เอ็มโพเรียม หรือสยาม พารากอน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)